ข้อสอบข้อนี้เอามาจากข้อสอบ GAT ที่สอบไปเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2554 ข้อนี้พี่ว่าง่ายมาก เรียกว่าแจกคะแนนฟรีกันเลยทีเดียว จริงรึเปล่า? ลองมาดูกันเลย
They point out that, (1) despite of their (2) advanced age, (3) nearly a fifth of the women in the oldest group remained (4) emotionally vital.
ถ้าใครแม่น ๆ เห็นปุ๊บก็ตอบปั๊บเลยใช่มั้ยว่าตอบข้อ…
ข้ออะไรล่ะ? พี่ยังไม่เฉลยนะ แต่ถ้ามั่นใจแล้วจะดูเฉลยไปใย จริงมั้ย ;-)
สำหรับคนที่ตอบไม่ได้หรือยังไม่แน่ใจ ลองมาดูกันครับว่าเราควรรู้อะไรบ้าง ตอนนี้อยากให้น้องลืมโจทย์ไปก่อน แล้วมาอ่านเรื่องที่พี่กำลังจะสอนทั้งหมด 5 เรื่องข้างล่างนี้ให้จบก่อน
เรื่องที่ 1: ทั้ง ๆ ที่
Prepositions ที่แปลว่า “ทั้ง ๆ ที่” มีดังนี้
despiteเนื่องจากสามคำนี้เป็น prepositions สิ่งที่ตามมาข้างหลังจะต้องอยู่ในรูป noun phrase หรือ Ving หรือ wh- noun clause น้องลองศึกษาตัวอย่างประโยคต่อไปนี้นะครับ
in spite of
notwithstanding
Despite its small size, the device is able to store thousands of hours of music.1
ทั้ง ๆ ที่ขนาดของมันเล็กนิดเดียว แต่อุปกรณ์นี้สามารถเก็บเพลงได้เป็นพัน ๆ ชั่วโมงเลยทีเดียว
ประโยคนี้ใช้ despite ตามด้วย its small size ซึ่งเป็น noun phrase (determiner + adjective + noun)
Despite applying for hundreds of jobs, he is still out of work.2
ทั้ง ๆ ที่สมัครงานมาเป็นร้อย ๆ เขาก็ยังไม่มีงานทำอยู่ดี (โถ น่าสงสาร!)
ประโยคนี้ใช้ despite ตามด้วย Ving
Despite what happened in the past I want her to know I am there for her.3
แม้ว่าในอดีตจะเคยมีเรื่องมีราวเกิดขึ้น แต่ฉันก็อยากให้เธอรู้ว่าฉันพร้อมจะช่วยเหลือเธอเสมอ
(สำนวน be there {for someone} หมายถึง "พร้อมที่จะช่วยและเป็นกำลังใจให้")
ประโยคนี้ใช้ despite ตามด้วย wh- noun clause
ถามว่าคำพวกนี้ตามด้วย tensed clause ได้ไหม? (tensed clause หมายถึงประโยคย่อยที่ประกอบด้วยประธานและกริยาที่แสดง tense หรือเขียนเป็นสัญลักษณ์ว่า S + Vtensed) คำตอบคือไม่ได้ (ยกเว้นกรณีที่ประโยคย่อยอยู่ในรูป wh- noun clause ดังในตัวอย่างที่สามนะครับ อันนั้นใช้ได้) เพราะคำกลุ่มนี้เป็น prepositions ไม่ใช่ conjunctions แต่ถ้าอยากใช้ tensed clause หลังคำพวกนี้เราก็มี trick นิดนึง คือเติม the fact เข้าไปก่อน แล้วค่อยขยายมันด้วย that-clause ดังนั้นจากตัวอย่างข้างบนเราจะเขียนอีกแบบหนึ่งได้เป็น
Despite the fact that he has applied for hundreds of jobs, he is still out of work.ประโยคข้างบนเป็นประโยคที่ถูกไวยากรณ์ แต่ออกจะดูรุงรังไปหน่อย ถ้าน้องอยากใช้ tensed clause จริง ๆ ก็ควรหันไปใช้ conjunction though, although หรือ even though จะดีกว่า (สามคำนี้แปลเหมือนกันคือ “แม้ว่า”)
Even though he has applied for hundreds of jobs, he is still out of work.จะเห็นได้ว่าพอเขียนแบบนี้แล้วประโยคดูกะทัดรัดขึ้นเยอะเลย :-)
เรื่องที่ 2: Advance
Advance เป็น verb หรือ noun ก็ได้ ถ้าเป็น verb จะแปลว่า เคลื่อนที่ไปข้างหน้า, ก้าวหน้า, เพิ่ม ถ้าเป็น noun ก็แปลแบบเดียวกันคือ การเคลื่อนที่ไปข้างหน้า, ความก้าวหน้า, การเพิ่ม กรณีที่มันเป็น noun นี้มีวลีที่น่าสนใจคือ in advance แปลว่าล่วงหน้า เช่น Thank you in advance. (ขอบคุณล่วงหน้า)
นอกจากนี้ advance ก็ยังเป็น adjective ได้อีก มีความหมายว่า ล่วงหน้า แต่มันเป็น adjective ชนิดที่เราต้องวางไว้หน้า noun เท่านั้นนะครับ เช่น an advance payment (การจ่ายเงินล่วงหน้า)
ส่วน advanced (เติม -ed) จะเป็น adjective แปลว่า ขั้นสูง เช่น advanced mathematics (คณิตศาสตร์ขั้นสูง) หรืออาจจะแปลว่า “ซึ่งพัฒนามาได้ไกลแล้ว” เช่น advanced societies นอกจากนี้ยังมีสำนวนที่น่าสนใจว่า advanced age ซึ่งแปลว่าอายุที่พัฒนามาได้ไกลแล้ว (เป็นภาษาสุภาพของอายุมากหรือแก่นั่นเองครับ)
คำที่ควรรู้อีกคำคือคำว่า advancement (noun) ซึ่งแปลว่า การเคลื่อนที่ไปข้างหน้า หรือความก้าวหน้าก็ได้ครับ เช่น the advancement of science (ความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์)
สรุปชนิดของคำ
advance (v, n, adj)
advanced (adj)
advancement (n)
เรื่องที่ 3: Adverbs
ถาม adverbs ใช้ทำอะไร?
ตอบ โดยทั่วไปแล้ว adverbs ใช้ขยาย verbs, adjectives หรือ adverbs ด้วยกันเอง นอกจากนี้อาจจะขยายทั้งประโยคก็ได้ ตัวอย่างเช่น
She vtalks advfast. (fast ขยาย talk)ที่พูดมาข้างบนคือลักษณะพื้นฐานของ adverbs แต่จริง ๆ แล้วยังไม่หมดแค่นี้หรอก
She is advvery adjbeautiful. (very ขยาย beautiful)
She sings advvery advbeautifully. (very ขยาย beautifully)
advLuckily no one was hurt. โชคดีนะที่ไม่มีใครบาดเจ็บ (luckily ขยายทั้งประโยค)
Adverbs บางตัว เช่น nearly กับ almost (แปลเหมือนกันคือ “เกือบ”) สามารถใช้ขยาย determiners (คำนำหน้านาม), numerals (ตัวเลข/จำนวน) หรือ pronouns (สรรพนาม) ก็ได้
Nearly 10,000 people died. คนตายเกือบหมื่นแน่ะ
(nearly ขยาย 10,000 ซึ่งเป็น numeral)
Nearly everyone got sick. ป่วยกันเกือบทุกคนเลย
(nearly ขยาย everyone ซึ่งเป็น pronoun)
Almost every student came to the party. นักเรียนเกือบทุกคนมางานเลี้ยงAdverbs ที่แปลว่า “เกือบ” นอกจาก nearly กับ almost แล้วยังมีอีกสองคำที่ควรรู้ไว้คือ practically และ virtually
(almost ขยาย every ซึ่งเป็น determiner)
จำ! adverbs ที่มีความหมายว่า “เกือบ(จะ)” มีดังนี้
almost
nearly
virtually
practically
เรื่องที่ 4: อารมณ์
มาดูคำศัพท์ “อีโม” ทั้งหลายกัน
emote (v) = แสดงอารมณ์อย่างชัดเจนอีกคำที่น่าจะรู้คือ emoticon (n) คำนี้มาจาก emotion + icon ก็คือสัญลักษณ์ที่เราพิมพ์เพื่อแสดงอารมณ์นั่นเอง เช่น :-) ;-) หรือ :-P เป็นต้น นอกจากนี้ยังมี Emoform ที่เป็นยี่ห้อยาสีฟันอีกด้วย (เกี่ยวมั้ยเนี่ย เหอ ๆ)
emotion (n) = อารมณ์
emotional (adj) = ทางอารมณ์, ซึ่งแสดงอารมณ์, ซึ่งสะเทือนอารมณ์
emotionally (adv) = ในทางอารมณ์
emotionless (adj) = ซึ่งไร้อารมณ์
emotive (adj) = ทางอารมณ์, ซึ่งสะเทือนอารมณ์
เรื่องที่ 5: Vital
Vital คำนี้เป็น adjective
ถ้าเราบอกว่าสิ่ง ๆ หนึ่งมัน vital ก็จะหมายความว่าสิ่งนั้นมันจำเป็นต่อการมีชีวิตอยู่ เช่น vital organs (อวัยวะที่จำเป็นต่อการมีชีวิตอยู่ เช่น สมอง หัวใจ เป็นต้น) ดังนั้น vital จึงมีความหมายอีกนัยหนึ่งว่า สำคัญมาก หรือจำเป็นอย่างยิ่ง
คำที่มีความหมายว่าสำคัญสุด ๆ (extremely important) มีดังนี้
crucialนอกจากนี้คำว่า vital ยังมีอีกความหมายหนึ่งคือ มีชีวิตชีวา (lively) หรือ มีพลังชีวิต กระฉับกระเฉง (energetic) เช่น Exercise keeps her young and vital.1 การออกกำลังกายทำให้หล่อนดูอ่อนเยาว์และมีชีวิตชีวาอยู่เสมอ
essential
vital
critical
pivotal
decisive
imperative
indispensable
เมื่ออ่านครบทั้ง 5 เรื่องแล้ว น้องลองกลับมาดูโจทย์อีกทีนะ
They point out that, (1) despite of their (2) advanced age, (3) nearly a fifth of the women in the oldest group remained (4) emotionally vital.
ตอบได้หรือยังครับ? ง่ายมาก (ก็แหงล่ะ พึ่งสอนไปหยก ๆ ข้างบน) → ตอบข้อ (1) นั่นเอง
ข้อ (1) despite of แก้เป็น despite เฉย ๆ (ตัด of ทิ้ง)
ข้อ (2) advanced age ถูกแล้ว
ข้อ (3) ใช้ nearly (adv) ขยาย a fifth (a fifth เป็นคำแสดงจำนวน แปลว่า 1 ใน 5 หรือ 20% นั่นเอง) ถูกต้องแล้ว ถ้าสงสัยให้กลับไปอ่านเรื่องที่ 3 ที่พี่เขียนไว้ข้างบน
ข้อ (4) emotionally ขยาย vital ถูกต้องแล้ว เพราะเราใช้ adverb ขยาย adjective
ตอนแรกพี่กะจะเขียนสั้น ๆ แต่ทำไปทำมาปรากฏว่าเขียนยาวเหยียดอีกแล้ว ไม่รู้ทำไม :-P
บทความนี้เขียนโดยครูแมค เมื่อ April 4, 2011 โพสต์ครั้งแรกในเว็บไซต์ tutormax.wordpress.com และโพสต์ครั้งที่สองในเว็บไซต์ krumac.com
References